จะวางแผนซื้อคอนโด ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เมื่อทำงานได้สักพัก เริ่มเก็บเงินได้สักก้อน ก็เริ่มจะมองหาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมสักห้องไว้อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือสำหรับบางคนอาจจะมองถึงการลงทุน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั้น เราจะต้องเช็กความพร้อมของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกว่าพร้อมแค่ไหน? ถึงจะไม่สร้างหนี้และปัญหาให้กับตัวเราเองในระยะยาวไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า
การเช็กความพร้อมมีง่ายๆ เริ่มจากที่ดูรายได้ต่อเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วคูณด้วย 50 เท่า จะออกมาเป็นราคาบ้านที่เราพอจะมีกำลังซื้อได้ เช่น คนมีรายได้ 15,000 บาท/เดือน จะซื้อบ้านราคาไม่เกิน 700,000-800,000 บาท รายได้ 20,000 บาท/เดือน จะซื้อบ้านได้ราคาต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น
จากนั้นมาคำนวณกำลังความสามารถในการผ่อนต่อเดือน เพราะอาจจะมีบางคนที่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อยู่ เช่น บัตรเครดิต ค่างวด ผ่อนรถ เป็นต้น ซึ่งค่าผ่อนคอนโดฯ ต่องวด จะต้องอยู่ที่ 1 ใน 3 ของรายได้แต่ละเดือน อาทิ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อน 30 ปี จะมีภาระผ่อนเดือนละ 6,000-7,000 บาท ราคา 2 ล้านบาท จะอยู่ที่เดือนละ 12,000-14,000 บาท ราคา 3 ล้านบาท อยู่ที่เดือนละ 18,000-21,000 บาท เป็นต้น
ต่อมาเป็นเรื่อง “เงินดาวน์” ที่จะต้องผ่อนชำระกับโครงการก่อนที่จะขอยื่นกู้กับธนาคาร ต้องมีอย่างน้อย 10-15% ของราคาบ้าน เท่ากับว่าตัวเราเองจะต้องมีเงินออมไว้ก้อนหนึ่งด้วย อย่างน้อย 10-15% หรือจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ยิ่งมากก็จะยิ่งดี เนื่องจากบางธนาคาร อาจจะปล่อยวงเงินกู้ให้ไม่เต็ม 100% ตามที่เราขอกู้ไป อาจจะให้แค่ 80-90% ของราคาบ้าน
ดังนั้น “เงินออม” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนที่คิดจะซื้อห้องชุด เพราะจะต้องใช้เงินที่เราเก็บมาทุกเดือนผ่อนดาวน์กับโครงการ ซึ่งหากไม่มีติดตัวเลย เท่ากับว่าเราจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยหนักอึ้งมากในช่วง 1-3 ปีแรก ค่างวดต่อเดือนที่เราผ่อนชำระ จะเป็นค่าดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นประมาณ 70-80% ส่วนเงินต้นจะถูกตัดอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น กว่าจะเริ่มเบาตัวตั้งแต่ปีที่ 4 ปีที่ 5 เป็นต้นไป
แต่มีเทคนิกสำหรับคนที่อยากจะเร่งปลดหนี้ให้หมดเร็ว ๆ เพราะมีบางคนกว่าจะตกลงปลงใจซื้อบ้านสักหลัง อายุล่วงเข้าไป 30 ปีปลาย ๆ หรือ 40 ปีต้น ๆ แล้ว ถ้าผ่อน 30 ปี กว่าจะหมดหนี้อายุก็ปาเข้าไป 60-70 ปี
.
ถ้าไม่อยากแบกรับภาระหนี้ไปจนแก่ในช่วงระหว่างทางนี้ ถ้าตัวเองมีศักยภาพและความสามารถสูง ข้อแนะนำก็คือจะต้องมีเงินสักก้อนไว้โปะค่างวดด้วย เพื่อให้เงินต้นลดลงเร็ว ๆ จะทำให้ภาระดอกเบี้ยแต่ละเดือนหายไปด้วย
.
ส่วนระยะเวลาการผ่อน จะเป็นระยะเวลา 10 ปี 15 ปี 20 ปี หรือ 30 ปีดีนั้น หากเป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนยังไม่มากแถมเงินออมมีอยู่น้อยนิด ให้ขอกู้ธนาคาร 30 ปีไว้ดีที่สุด เพราะการขอกู้ระยะยาว เมื่อคำนวณเป็นค่างวดต่อเดือนที่เราจะชำระแล้ว ทำให้มีภาระหนี้ต่อเดือนน้อยลงตามไปด้วย ทำให้ยังพอมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่จะตามมาได้ เช่น ค่าส่วนกลาง เป็นต้น
.
แต่ถ้าใครใจร้อนอยากให้ภาระหนี้กองโตหมดเร็ว ๆ ก็อย่างที่บอก สามารถนำเงินก้อนไปโปะได้ เพื่อลดต้นลดดอก แต่ส่วนใหญ่หลายธนาคารจะไม่ให้ปิดหนี้ทั้งหมดภายใน 3 ปีแรก
.
ฉะนั้นในช่วงแรกนี้โปะเงินต้นได้จะยิ่งดี เพราะดอกเบี้ยจะสูงมาก ยกตัวอย่างเช่นกู้ซื้อคอนโดฯ 1 ล้านบาท มีภาระค่างวดเดือนละประมาณ 6,500 ล้านบาท ให้จ่ายค่างวดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 8 พันบาทไปตลอด ก็จะสามารถผ่อนคอนโดฯ หมดได้ภายใน 20 ปี ส่วนใครไม่โปะเงินงวดเลยจนครบ 30 ปี เบ็ดเสร็จจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 60-70% หรืออีก 6-7 แสนบาท
.
รู้อย่างนี้ก็ควรวางแผนการเงินก่อนซื้อคอนโดฯ ให้ดี เพื่อจะได้ไมเป็นหนี้ไปจนแก่! ส่วนใครยังไม่มีเงินออมเลย แนะนำให้เช่าดีกว่าซื้อ จะได้ไม่เป็นหนี้หัวโต
.
ติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่..
.
– web : https://haabaandee.com/
– Line : https://bit.ly/3GsIH4G
– IG : https://bit.ly/383Dnav
– Tiktok : https://bit.ly/37nIdjd
– Twitter : https://bit.ly/37Y3HDc
– Youtube : https://bit.ly/3ry14yL
– blogspot :https://bit.ly/3t13JBQ
– facebook : https://bit.ly/3ECnnJ7
– blockdit : https://bit.ly/3t13JBQ
– pinterest : https://bit.ly/3sZDSdv
#habbdee, #เว็บไซต์ธุรกิจ, #ธุรกิจ, #เว็บไซต์, #แพลตฟอร์ม, #businessplatform,